วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

Sweet Fukuoka day 7-10 ~ Kumamoto หมูคุโรบุตะ ฟินเฟร่อ!!!


...วันนี้ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 ..เป็นวันที่ 7 ของทริป...

กว่าจะโพสแต่ละวัน แสนช้า จนคนถามว่าไปเที่ยวมามะไรหรา นี่ก็น็อครอบเดือนนึงเป็นที่เรียบร้อย 555

แปะ แปะ trip วันก่อนครับ เผื่อเพื่อนๆยังไม่ได้อ่านกัน

วันนี้ 3 องศาครับ อากาศชิลๆ

วันนี้ออกเดินทางแต่เช้า ลากกระเป๋าไป Kumamoto ครับ ... เป้าหมายหลักเลย คือการไปนั่งรถไฟอีกขบวนนึง ที่เป็น a must to ride ของที่ Kyushu นั่นก็คือ Aso Boy ครับ

เอารูป Aso Boy มาให้ดูกันก่อนนะ 




เห็นแล้วก็อยากไปนั่งเน๊อะ... ขบวนนี้ ต้อง reserve seat นะครับ และที่สำคัญ จองยากยิ่งกว่า Yufuin No Mori ซะอีก เพราะมีวิ่งแค่เฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้นครับ (แต่ DinDin หรอจะพลาด... เท้าแตะญี่ปุ่นปุ๊บ ก็จองปั๊บ... พร้อมๆกะที่จองสาย Yufuin No Mori น่ะแหละคร๊าบ)

[ดูรายละเอียด ตารางวิ่งของ Aso Boy ล่วงหน้าได้ที่นี่ครับ Aso Boy info]

เอาตั๋วที่จองไว้มาโชว์ซะหน่อย 555

Aso Boy เป็นขบวนที่วิ่งระหว่าง Kumamoto กับ ภูเขาไฟ Aso

ก็เลยต้องเดินทางไป Kumamoto กันแต่เช้าวันศุกร์ครับ กะเที่ยวให้หนำใจ แล้ววันเสาร์ค่อยนั่ง Aso Boy ให้สมใจอยาก

วันนี้ยังเป็นวันแรกที่จะได้นั่ง Shinkansen ด้วยครับ เลยรีบมาแต่ไก่โห่

มาถึง... เจอขบวนนี้จอดอยู่ครับ ไม่ใช่ขบวนที่จะไปนะครับ ...​ขบวนนี้เป็น N700 Series ครับ วิ่งระหว่าง Hakata กับ Kyushu ใต้

ที่รั้วกั้นรถไฟมีป้ายบอกเรียบร้อย ว่าขบวนไหน มีกี่ตู้ แล้วตอนนี้เราอยู่ตรงไหน จะได้ไปยืนรอถูกตำแหน่งคับ เพราะรถไฟเค้าจอดแป๊บเดียว อย่ามามัวลีลานะตอนขึ้น

ทานอาหารเช้าแบบเร่งรีบ (อีกแล้วคับ) จิงๆ ชอบมากกว่าทานอาหารของโรงแรมนะ ของโรงแรมผมว่า มันเยอะไป แล้วก็ดูเป็นอาหาร โรงแร๊ม โรงแรม เหอๆ

กินเสร็จรถไฟก็ยังไม่มา .. ก็แบบว่าวิตกจริต กลัวป้ำๆเป๋อๆ เลยเผื่อเวลาเยอะไปหน่อย 555

เลยได้มาถ่ายรูปกับ Shinkansen ขบวนอื่นๆต่อไป

แว๊บบบบบบ.... ตัดภาพมาที่ Kumamoto เลยครับ... ก็อย่างที่บอก มัวแต่ลากกระเป๋า ทำนู่นนี่นั่น ไม่ได้ถ่ายแม้กระทั่งในรถไฟ #เสียใจหนักมาก

เลยเอารูปของ Kumamoto city tram มาให้ดูกันเลยครับ

การเดินทางในเมืองนี้ ใช้ Loop bus กับ City Tram ครับ โดยสามารถซื้อบัตร 1-day pass ได้ที่ information center ที่สถานี JR เลยครับ หน้าตา pass เป็นแบบนี้ครับ ราคา 500 เยน สามารถขึ้นได้ทั้ง tram และ bus ครับ

ตอนซื้อเสร็จ ... จะใช้วันไหน ก็เอาเหรียญมาขูดๆๆๆ ออกครับ ตามรูป วันที่ 20 เดือน 2 

อย่าลืมขอ tourist map มาด้วยนะคับ ภาษาอังกฤษ หน้าตาแบบนี้ มีครบหมด ทุกอย่างที่อยากรู้

อย่างเช่นเส้นทางการเดิน loop bus

สถานีต่างๆ ของ city tram ซึ่งส่วนใหญ่ผมใช้ map อันนี้แหละในการนำทาง

อย่างสถานที่แรกที่จะไปเราตั้งต้นจากสถานีหมายเลข 3 ครับ (Kumamoto station) จะไปที่ Kumamoto Castle หมายเลข 10

ลงจาก tram  มาแล้วก็เดินต่ออีกแค่นิดเดียวเองครับมีป้ายบอกตลอดทาง

สามารถใช้ 1-day pass มาเป็นส่วนลดค่าเข้าชมปราสาทได้ด้วยครับ พอเดินเข้ามาจะเจอป้ายบอกทางครับให้เลือกว่าเราจะ เดินไปถึงตัวปราสาททางไหน ระหว่าง Stonewall กะเดินผ่านป้อม turret เลยเลือกไปทางสโตนวอลครับเพราะว่าใกล้กว่า 555 ต้องทำเวลานิดนึง

ปีนป่ายกันมาอย่างเหนื่อยขอนั่งพักชมวิวสวยของปราสาทสักพักละกันนะครับ

ช่วงที่ผมไปดอกบ๊วยกำลังบานพอดีสวยงามมาก ภาษาญี่ปุ่นก็จะเรียกว่าดอก Ume ครับ

ในที่สุดก็เดินทางมาถึงตัวปราสาทแล้วเหนื่อยใช้ได้เลย แต่ก็สวยงามมากๆครับ

ขำมากเพราะว่ามีซามูไรที่หน้าตาเหมือนในโบรชัวมายืนให้ถ่ายรูปด้วยครับ

หลังจากเดินชมประสาทแล้ว แถมยังต้องปีนขึ้นไปอีกหลายชั้นจนถึงยอดประสาท กว่าจะเดินลงมา กว่าจะถ่ายรูป กว่าจะเดินกลับมาถึงถนนใหญ่ แอบมีหลงทางนิดอีกต่างหาก เหนื่อยมากมายแล้วก็ที่สำคัญที่สุดคือหิวมากครับ ก็เลยคุยกันว่าจะหาอะไรทานเป็นข้าวเที่ยงเลยละกัน พอดีคุณแฟนทำการบ้านมาดีอีกแล้วครับ เลยชวนกันไปกินข้าวหน้าหมูทอดชื่อดังของเมืองนี้ ก็คือร้าน Katsuretsu Tei ตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้า Sunroad ครับ จากสถานีที่ 10 ก็เลยต้องนั่งกลับมาที่สถานีที่ 8 ครับ
ลงจาก tram แล้วก็จะเห็นหน้าตาศูนย์การค้าแบบนี้ครับ

ตอนแรกกลัวอยู่ว่าจะหาร้านเจอไหม แต่ไม่ยากเลยครับพอมองเข้าไปด้านขวามือจะเห็นป้ายของร้านวางอยู่ที่หัวมุมถนน เป็นสี่แยกเล็กๆอันแรกเลยครับอยู่ด้านขวามือ

นี่เลย ป้ายแบบนี้เลย

เดินไปตามทางนิดเดียวก็จะเจอร้านแล้วครับ หน้าร้านหน้าตาแบบนี้ครับ

เห็นหมูทอดหน้าร้านน่ากินมากเลย ร้านเปิด 11 โมงครึ่งครับปิดสี่ทุ่ม

เข้ามาแล้วอย่ามัวลีลาครับให้ไปจองคิวก่อน ผมพลาดมาแล้วไปนั่งรอจนคนอื่นเข้าไปจองคิวก่อน แท่นที่ให้เขียนชื่อจองคิวคือที่วงกลมไว้ตามรูปครับ เขียนชื่อและจำนวนคนที่มาให้เรียบร้อยแล้วค่อยไปนั่งรอนะครับ

อีกแป๊บนึงก็จะมีคนมาเรียกชื่อเราเข้าไปนั่งตามโต๊ะครับ อุตส่าห์ขอเมนูภาษาอังกฤษมาแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะเมนูภาษาอังกฤษมีแต่อาหารธรรมดาธรรมดา แต่ที่คุณแฟนรีวิวมาจะเป็นเมนูพิเศษคือหมูดำคุโรบุตะสันนอก เลยหยิบเมนูภาษาญี่ปุ่นมาดูใหม่แต่ก็ยังอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง พยายามใช้แอพแปลภาษาญี่ปุ่นอยู่นานสองนาน เลยสรุปได้ว่าจะต้องสั่งเมนูที่วงกลมเอาไว้ตามรูปครับ ถึงจะได้หมูดำคุโรบูตุสันนอก 180 กรัม

แต่ถ้าเป็นเมนูด้านล่างจะเป็นหมูสันใน แม้ว่าจะราคาแพงกว่าแต่ว่าไม่มันก็เลยไม่เอาครับ 2 คนนี้ต้องทานมันๆเท่านั้น 555 หลังจากจิ้มๆเมนูสั่งไปเป็นที่เรียบร้อยก็นั่งรอครับ ได้พวกเครื่องเคียงมาก่อน หิวก็หิว นั่งบดงาจนงาแหลกป็นผุยผงแล้วอาหารก็ยังไม่มา แงๆ

เย้!!!!! มาแว้วววววววว!!!! อลังการงานสร้างมากๆ


มามะเรามาดูกันใกล้ๆ มันหมูแทรกอยู่สวยงามมาก


สุดยอด!!!!! บอกเลยว่ามันอร่อยมาก ในทริป 10 วันนี้ ดิ่นดิ๊นกับคุณแฟน เราตกลงกันแล้วว่าเราขอมอบรางวัลอาหารที่อร่อยที่สุดให้กับร้านนี้ครับ ลืมหมูทอดทงคัตสึที่เมืองไทยไปได้เลย เพราะร้านไหนที่อร่อยร้านไหนที่ว่าดังก็ไปกินกันมาหมดแล้วที่เมืองไทย แต่ก็ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของ Katsuretsu Tei เลยครับ

จ่ายแค่นี้ชิลๆ บอกเลยเพราะว่ามันคุ้มมาก

ร้านนี้เค้ายังการันตีด้วยหมูดำคุโรบูตะคุณภาพจากเกาะคิวชูทางตอนใต้

และยังได้รับรางวัล best restaurant ปี 2013 ด้วยครับ

หลังจากอิ่มกันแล้วเราก็เลยคิดว่าจะไปเดินย่อยในสวนครับ Suizenji Koen ส่วนที่นี่ ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น สวยงามมากเพราะว่าสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ... ส่วนนี้ก็ต้องนั่ง tram มาที่สถานีหมายเลข 18 ครับ

ที่สำคัญทางเข้าสวนจะมีร้านค้าเรียงรายอยู่มากมายครับ และมี... นี่เลย  เจ้า Kumamon  น่ารักมากตั้งเอาไว้ให้ถ่ายรูปหลายตัวเลยนะครับ

เดินเข้ามาด้านในสวนก็จะมีดอกบ๊วย เรียงรายระหว่าทางสวยงามอีกแล้ว

สวนนี้ทำมาช่วงใบไม้ผลิจะสวยงามกว่านี้มากครับ มาตอนนี้เลยดูแห้งไปหน่อย


แอบเสียใจเล็กๆ เพราะว่าไม่ได้เขียวแบบที่คิดไว้

ขากลับก็ยังไม่วาย....เรามาดูหมี 2 ตัวเซลฟี่กันครับ อิๆ

พอดีว่าช่วงบ่ายไม่ค่อยสบายกันสงสัยจะตากแดดเยอะหรือไม่ก็เพลีย เลยกลับไปงีบที่โรงแรม ตื่นมาอีกทีก็ดึกแล้ว ไปหา ซื้อยาจากร้านขายยา อาหารก็ทานง่ายๆครับมอสเบอร์เกอร์ใกล้โรงแรม แล้วก็เข้านอนกะว่าพรุ่งนี้จะไปดูภูเขาไฟ Aso 

จริงๆคุณแฟนมีเช็คข้อมูลมาก่อนหน้านี้แล้วครับว่าตอนนี้ภูเขาไฟกำลังปะทุอยู่ ก่อนจะมาก็เช็คข้อมูลเป็นระยะๆ ล่าสุดเช็คข้อมูลแล้วก็ยังไม่สามารถเข้าไปดูในระยะไกลๆได้ #เสียใจหนักมาก 

ประกอบกับโน้นนี่นั่น ... ยังไม่ค่อยได้ Shopping .... ยังไม่ค่อยได้เที่ยวใน Hakata เลย... บลา บลา บลา 

สุดท้ายสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดก็เกิดขึ้นนั่นก็คือ.... เรา 2 คนตัดสินใจกันว่าจะ เดินทางกลับ Hakata เลย ... ไม่ไปขึ้น Aso Boy แล้ว .... เอ่อ.... เอ่อ..... เอ่อ.... สตั้นท์ไป 1 นาที 

ก็ด๊ะ......


วันที่ 8 ของทริปนี้แล้วครับ

ขากลับมาที่ Hakata เลยนั่ง Shinkansen Sakura ครับ คราวนี้ไม่พาดถ่ายรูปข้างในขบวนมาให้ดูครับ มีทั้งตู้กดเครื่องดื่มแบบยอดเหรียญ, ตู้โทรศัพท์ แถมยังมีห้องแต่งตัวและห้องแต่งหน้าสำหรับสุภาพสตรีด้วยนะครับแต่ว่าไม่ได้ถ่ายรูปมา


ร้านอาหารที่แนะนำนะครับ Ippudo Tao ramen อยู่ใกล้ subway Tenjin ครับ ออก exit 12 ร้านอยู่ตรงเครื่องหมายดาวเลยครับ บอกไม่ได้เหมือนกันนะครับว่าต่างจากร้าน Ippudo ธรรมดาอย่างไร เท่าที่สังเกตร้านนี้จะมีบรรยากาศคึกคัก มีกลองศึกมาตีบิวด์บรรยากาศตลอดเวลา ร้านเปิดตั้งแต่ 11 โมงถึงตีสองครับ


ข้อมูลของร้านตามลิงค์นี้เลยครับ ippudo - tao
ส่วนอันนี้ป้ายหน้าร้านครับ


เดินเข้ามาในร้านเห็นแบบนี้เลย คือมีกลองศึกแขวนอยู่เป็นระยะๆ บรรยากาศดูคึกคักเหมือนจะไปออกรบ


อันนี้หน้าตาเมนูครับ... เลือกชามหลักก่อนแล้วค่อยเลือกว่าจะเพิ่มหมูเพิ่มไข่หรือว่าเพิ่มอะไรมากน้อยแค่ไหนครับ


มีสั่งของทานเล่นเพิ่มด้วย....สำหรับถ้วยแรกคงไม่ต้องบอกว่าเมนูนี้ใครสั่ง ข้าวโพดจัดเต็มมาซะขนาดนี้

ส่วนจานนี้เป็นหมูตุ๋นเค็มๆ ครับอร่อยดี

ตามรูปครับ...เกี๊ยวซ่าอร่อยนะ

มาแล้ว....น่ากินมากๆเลย

สำหรับวันที่ 8-9-10 ไม่ค่อยมีรูปนะครับ #สตันท์10วิ #นั่งไว้อาลัย1นาที เพราะกิจกรรมหลักคือการ Shopping Shopping และ Shopping ซื้อของฝากตามออเดอร์ กินง่ายกินเร็วแล้วก็ไปช๊อปต่อ วัดที่อยากไปก็ไม่ได้ไป Starbucks ร้านดังก็ไม่ได้ไป

สรุปว่ามาเที่ยว Fukuoka 10 วันแต่ก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึง... ไม่เป็นไรครับติดไว้คราวหน้าเดี๋ยวมาใหม่ได้ 555

สุดท้ายนี้ก็ขอจบทริป DinDin Around The World ~ Sweet Fukuoka ไว้ที่บรรทัดนี้แล้วกันนะครับ อิๆ (ทริปถัดไปน่าจะเป็นฮอกไกโดครับเดี๋ยวจะมาแจ้งวันเวลาให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น